แนวโน้มที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือการพัฒนาไปสู่ระบบที่สามารถสร้าง “ความชาญฉลาดแบบองค์รวม” (Holistic Intelligence) ซึ่งช่วยเชื่อมโยงทุกองค์ประกอบของโครงการ ตั้งแต่การออกแบบ การก่อสร้าง ไปจนถึงการใช้งานในระยะยาว ด้วยความสามารถในการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงลึกจากทุกขั้นตอน BIM model ไม่เพียงช่วยวิเคราะห์หรือวางแผนในเชิงเทคนิค แต่ยังช่วยสะท้อนผลกระทบในมิติอื่นๆ เช่น ความยั่งยืนทางสังคม ความสอดคล้องกับนโยบายสิ่งแวดล้อม หรือแม้กระทั่งการเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งานอาคาร
ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของ BIM model
ในการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการทำงานร่วมกันแบบไร้พรมแดน ทีมงานจากทั่วโลกสามารถเข้าถึงข้อมูลเดียวกันได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการประสานงาน อีกทั้งยังทำให้กระบวนการทำงานมีความโปร่งใสและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น สิ่งนี้เป็นประโยชน์โดยเฉพาะในโครงการที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือระหว่างประเทศหรือองค์กรขนาดใหญ่ ในแง่ของการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมือง เช่น การออกแบบระบบขนส่งมวลชน BIM model สามารถช่วยจำลองการทำงานของระบบขนส่งทั้งระบบ
ตั้งแต่การวิเคราะห์ความหนาแน่นของผู้โดยสาร การคาดการณ์ปริมาณการใช้งานในอนาคต ไปจนถึงการวางแผนการซ่อมบำรุงเพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งนี้ช่วยลดต้นทุนในระยะยาวและสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งาน ในด้านของการรักษาความปลอดภัยและการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ BIM model มีบทบาทสำคัญในการช่วยสร้างแผนรับมือที่มีความแม่นยำ ตัวอย่างเช่น การจำลองสถานการณ์ไฟไหม้หรือแผ่นดินไหวเพื่อวางแผนการอพยพและการจัดการพื้นที่อันตรายล่วงหน้า หรือการวิเคราะห์ความแข็งแรงของโครงสร้างเพื่อประเมินความเสี่ยง
ข้อมูลที่จัดเก็บใน BIM model
ยังช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการอย่างรวดเร็วในสถานการณ์จริง โดยใช้ข้อมูลที่อัปเดตและแม่นยำที่สุด อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจคือการใช้ BIM model ในการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในโครงการที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เทคโนโลยีนี้ช่วยให้สามารถวางแผนการใช้งานพื้นที่ได้อย่างสมดุล เช่น การจัดพื้นที่สีเขียวในเขตเมือง การออกแบบระบบการจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ หรือการวางแผนการใช้พลังงานหมุนเวียนในอาคาร BIM model ช่วยให้โครงการเหล่านี้สามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืน
สอดคล้องกับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมในระดับโลก ในอนาคต BIM model อาจจะพัฒนาไปถึงระดับที่สามารถเชื่อมโยงกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสร้างระบบที่สามารถเรียนรู้และปรับปรุงกระบวนการได้อย่างอัตโนมัติ เช่น การคาดการณ์แนวโน้มการใช้ทรัพยากรในอาคารหรือเมือง การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อค้นหาแนวทางลดต้นทุน หรือการสร้างโครงสร้างที่ตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ในแบบเรียลไทม์ ท้ายที่สุด BIM model ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสำหรับการออกแบบหรือก่อสร้างอีกต่อไป แต่มันคือแพลตฟอร์มที่ช่วยสร้างความเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์